เปิดหน้า Facebook ตัวเองทีไรก็เจอแต่ของกิน และยิ่งของกินที่ดึงดูดมากๆ ก็คงเป็นอาหารที่มีชีสเป็นส่วนประกอบนี่แหละครับ เพราะมันทั้งยืดและยั่วยวนชวนให้อยากเสมอ แล้วชีสประเภทไหนล่ะ? ที่เมื่อโดนความร้อนแล้วทำให้ยืดขนาดนี้ แล้วชีสแต่ละประเภทเหมาะสำหรับนำไปทำอาหารอะไรบ้าง ผมจึงขอแนะนำชีสแต่ละชนิด เพื่อเป็นแนวทางในการเลือกชีสให้คู่ควรกับอาหารจานโปรดของคุณครับ
ชีสชนิดนี้อยู่ในประเภท Fresh Cheese ซึ่งถือว่าเป็นที่นิยมมากครับ ด้วยจุดเด่นของมันคือความยืด เนื้อเหนียวนุ่ม มักจะนำไปขูดเป็นฝอยๆ แล้วเอาโรยหน้าพิซ่า ลาซานญ่า นอกจากความอร่อยแล้ว ความยืดดดดดของชีสยังเพิ่มความฟินให้เราด้วยครับ ส่วนกลิ่นจะไม่แรงมากเพราะไม่ได้ผ่านกระบวนการบ่มเหมือนชีสประเภทอื่นๆ เมนูนิยมใช้มอสซาเรลล่าเป็นวัตถุดิบ ได้แก่ เพสโต้ซอส, พิซซ่า, ลาซานญ่า, ผักโขมอบชีส หรือเมนูยอดฮิตในประเทศไทยเราต้องเป็นชีสทอด หรือใส่ในหม้อชาบูเลยครับ ยิ่งยืดมากเท่าไร ก็ยิ่งน่ากินเท่านั้น แค่นึกภาพตามก็หิวแล้วครับ
ชื่อของชีสประเภทนี้มาจากตำบล Cheddar จังหวัด Somerset ประเทศอังกฤษครับ ในอเมริกาจะเรียกว่า American Cheese ส่วนคานาดาเรียกว่า Canadian Cheese เป็นชีสที่ให้รสชาติเค็มนิดๆ นิยมนำมาทานกับขนมปังแซนวิส แฮมเบอร์เกอร์ แถมยังเพิ่มรสชาติเค็มมันให้เมนูพาสต้าได้อย่างดีด้วย
ชีสประเภทนี้จะมีเนื้อแข็งเป็นพิเศษ ให้รสชาติที่เข้มข้นกว่าชีสชนิดอื่นๆ มีความเค็มมัน แถมกลิ่นค่อนข้างแรงด้วย เพราะผ่านการบ่มที่ยาวนาน แต่รู้หรือไม่ว่ายิ่งชีสบ่มนานเท่าไร ก็ยิ่งทำให้รสชาติดี แถมราคาสูงตามไปด้วย เมนูที่นิยมใช้ชีสตัวนี้ ได้แก่ พิซซ่า สปาเก็ตตี้ ซีซาร์สลัด พาสต้า
ชีสชนิดนี้จะมีจุดเด่นคือมีรูเป็นโพลง เพราะเกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ภายในเนื้อชีสตอนที่บ่มอยู่ จึงทำให้มันมีหน้าตาอย่างที่เห็นเลยครับ
อาจเป็นชีสที่มีหน้าตาสวยงามไปอีกแบบเพราะมีลวดลายสีฟ้าอยู่ แต่มันเกิดจากเชื้อราครับ มีกลิ่นที่รุนแรง บางคนอาจไม่ค่อยชอบ เพราะรู้สึกเหมือนชีสเน่า มีรสชาติที่เข้มข้น และเค็มมาก โดยส่วนใหญ่จึงนำมารับประทานคู่กับไวน์ ขนมปัง หรือเอามาทำเมนู เบคอนอบชีส หรือไก่อบชีสครับ
ชีสชนิดนี้มีลักษณะเด่นคือเป็นเม็ดกลมเล็กๆ คล้ายกับเมล็ดถั่วคั่ว มีรสอ่อนอมหวานนิดๆ ที่เกิดจากนม เนื่องจากผลิตจากน้ำนาพร่องมันเนย หรือน้ำนมขาดมันเนยครับ มีความชื้นสูง โดยส่วนมากแล้วไม่ค่อยผ่านการหมักหรือบ่มเท่าไร จึงนิยมทานกับผลบไม้ สลัด หรือของหวาน คอทเทจชีสจะมีไขมันน้อย ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่อยากลดน้ำหนัก หรือใครจะนำมาทานคู่กับสลัดก็ได้ครับ ไม่อ้วนแน่นอน
ครีมชีสจะมีวิธีการเริ่มต้นเหมือน คอทเทจชีส แต่มันแตกต่างตรงที่ว่า เมื่อได้คอทเทจชีสแล้วจะมีการนำมาผสมเพิ่มเติมกับครีมสดหรือวิปปิ้งครีมเพื่อให้ได้ครีมชีสออกมา ซึ่งหมายความว่ามันผ่านการปรุงแต่งนั่นเองครับ โดยทั่วไปจะนิยมนำมาใช้ทำขนม เช่น คุกกี้ ชีสเค้ก่างๆ หรือเอาไปทำน้ำสลัดก็ได้ครับ
เห็นไหมล่ะครับว่าชีสแต่ละชนิดก็มีความแตกต่างกัน คุณเองก็เลือกนำไปใช้ในการประกอบอาหารจานโปรดของคุณได้ตามความเหมาะสมเลยครับ